อุทาหรณ์ ฝนตกหนัก สาวใหญ่ต้อนวัวกลางทุ่ง ฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียว-เป็นศพสลด

สลด สาวใหญ่ 53 ออกไปกลางทุ่งต้อนวัวเข้าคอก ช่วงฝนตกหนัก ถูกฟ้าผ่าเปรี้ยง-ล้มทั้งยืนนอนแน่นิ่ง ญาติรีบหามส่ง รพ. สุดท้ายช่วยไม่ทัน-เสียชีวิต ผัวฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เกิดเหตุฟ้าผ่าชาวบ้านบริเวณกลางทุ่งนาท้ายหมู่บ้านตะไก้ ม.2 ต.โคกสะอาด อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ญาติเร่งนำตัวส่ง รพ. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาที่บ้านผู้เสียชีวิต พบเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุดเมืองแฝก กำลังนำร่างผู้เสียชีวิตลงจากรถ เพื่อให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติๆ และชาวบ้าน ที่มาช่วยกันจัดเตรียมงานศพ จากการสอบถามทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางวนิดา สหัสรัมย์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 ม.2 ต.โคกสะอาด อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จากการสังเกตสภาพศพ พบบริเวณรูหูด้านขวามีเลือดไหลออกมา

จากการสอบถาม นางทองใบ เจริญสุข หลานผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายมีศักดิ์เป็นอาของตน ช่วงก่อนเกิดเหตุตนและผู้ตายออกไปทุ่งนา ขณะนั้นฟ้ามืดครึ้มฝนเริ่มตั้งเค้า ตนอยู่ในกระท่อม ส่วนผู้ตายบอกว่าจะไปย้ายวัวที่ผูกไว้กลางทุ่งนาเข้าคอก จนกระทั่งฝนตกลงมาอย่างหนัก ผ่านไปสักพักตนได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังมาก แต่ไม่รู้ว่าผ่าอะไร พอฝนหยุดสามีของผู้ตายก็มาตาม จนกระทั่งมาพบผู้ตายถูกฟ้าผ่าดังกล่าว

ขณะที่ นางทองทูล เจริญสุข หลานอีกคนของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อทราบว่าอาถูกฟ้าผ่า ตนก็รีบเอารถเข็นไปรับร่างอารีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทันอาเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ญาติพี่น้องรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก แต่ตนก็แปลกใจว่า ขณะเกิดฟ้าผ่าวัวที่ผูกไว้เป็นฝูงทั้งหมด 9 ตัว กลับไม่โดนฟ้าผ่าเลยสักตัว แต่กลับเป็นอาที่โดนฟ้าผ่า ซึ่งหลังเกิดเหตุวัวทั้งหมดก็ไม่ได้ไปไหน แต่กลับยืนล้อมร่างอาไว้เหมือนเป็นห่วง

ด้าน นายสะการ มุ่งดี อายุ 50 ปี สามีผู้ตาย เล่าว่า ตนเคยเตือนภรรยามาตลอดว่า ขณะฝนตกห้ามเอาวัวกลับเข้าคอก ให้อยู่ในกระท่อมรอฝนหยุดก่อน แต่ภรรยาก็ไม่ฟัง ส่วนสาเหตุที่ฟ้าผ่าภรรยาครั้งนี้นั้น ตนสันนิษฐานว่าเป็นเพราะต่างหูเงินรูปดาวที่ภรรยาใส่ประจำ อาจจะเป็นสื่อล่อฟ้าขณะอยู่กลางทุ่งนาตอนฝนตก ซึ่งหลังเกิดเหตุต่างหูข้างซ้ายได้หลุดหายไป อาจเกิดจากฟ้าผ่า ประกอบกับสภาพศพเมียมีเลือดไหลออกมาจากบริเวณรูหู ดังนั้นตนจึงอยากใช้เหตุการณ์ครั้งนี้ ฝากเตือนคนอื่นไว้เป็นอุทาหรณ์ด้วย.

CR : thairathonline

แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2394042

ระยะเวลาการทำงาน SPD ที่รวดเร็วและทำให้ Load ปลอดภัยหรือไม่ ?

คำถามจากลูกค้า : ช่วงการเกิด surge เอาตัว SPD ไปต่อ ขนาน เท่ากับว่าแรงดัน ตกคร่อมขณะนั้น เท่ากันหมด (แรงดันสูง 1000-6000 volt) แม้ว่ากระแสส่วนใหญ่จะไหลไปทาง SPD แต่แรงดันในวงจรขนานมันเท่ากันหมด ดังนั้น แรงดันที่ตกคร่อม โหลดกับแหล่งจ่ายไฟ ก็น่าจะเท่ากัน คำถามคือ โหลดกับแหล่งจ่าย จะทนแรงดันตรงนี้ได้มั้ยครับ เข้าใจว่าแรงดันจะลดลงเนื่อง transient ไม่ได้ลดลงเนื่องจาก SPD

คำตอบ : ระยะเวลาในการเกิด surge จะมีระยะเวลาเศษหนึ่งส่วนล้านของวินาที และตัว SPD มี response time ที่รวดเร็วมากคือน้อยกว่า 25 nSec. มีค่าแรงดันปล่อยผ่านไปยัง load น้อยกว่า 1.5 kv ซึ่งโหลดโดยส่วนใหญ่จะยังคงปลอดภัยครับ

Posted in faq

ทำไมเครื่องวัดพลังงาน (kWh meter) ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟกระโชก?

KWh meter ส่วนใหญ่มี 2 ประเภท

 

1) แบบ Analog meter ประเภทนี้ คือ Copper Coil และ CT ด้านใน แข็งแรงมาก ทนต่อไฟกระโชก CT ใช้สำหรับเหนี่ยวนำกระแสไฟ ไม่เกิดผลกระทบจากไฟกระโชกโดยตรง

2) แบบ Digital meter (TOU meter) ชนิดนี้เป็นส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ภายใน และส่วนมากเสียหายจากไฟกระโชก และต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก เพื่อป้องกันตัวเครื่อง

Posted in faq

หญิงออกไปต้อนวัวเข้าคอก ฟ้าผ่าเปรี้ยง ดับกลางทุ่ง สลด วัว9ตัวยืนเฝ้าศพ

ฝนตกหนัก หญิงวัย 53 ปี ออกไปต้อนวัวเข้าคอก ฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียว เสียชีวิตกลางทุ่งนา สลด วัว 9 ตัวยืนเฝ้าศพไม่ห่าง ผัวเผยสิ่งล่อฟ้า

วันที่ 17 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านตะไก้ ม.2 ต.โคกสะอาด อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่า มีฟ้าผ่าชาวบ้านขณะเลี้ยงวัวจนเสียชีวิตอยู่บริเวณกลางทุ่งนา หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ จุด ต.เมืองแฝก กำลังนำร่างของ นางวนิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ผู้เสียชีวิต ไปส่งที่บ้านพักเพื่อให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติ ๆ เป็นอย่างมาก

ฝนตกหนัก หญิงวัย 53 ปี ออกไปต้อนวัวเข้าคอก ฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียว เสียชีวิตกลางทุ่งนา สลด วัว 9 ตัวยืนเฝ้าศพไม่ห่าง

จากการสอบถาม นางทองใบ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี มีศักดิ์เป็นหลานของผู้ตาย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนกับผู้ตายได้ออกไปทุ่งนา ขณะนั้นฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ตอนนั้นตนกับผู้ตายอยู่ในกระท่อมนา หลังจากฝนเริ่มตก ผู้ตายก็หันมาบอกกับตนว่า จะไปย้ายวัวที่ผูกไว้กลางทุ่งนาเพื่อกลับเข้าคอก

นางทองใบ กล่าวต่อว่า จากนั้น ฝนตกลงมาอย่างหนัก ฟ้ามืดมองก็ไม่เห็น สักพักใหญ่ ๆ ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง” เมื่อฝนเริ่มหยุด เห็นวัวที่ผู้ตายเลี้ยงไว้ 9 ตัว รวมตัวอยู่เป็นกลุ่มที่เดียว รู้สึกผิดสังเกต ตนจึงเดินไปดูก็พบว่า ฝูงวัวยืนเฝ้าศพเจ้าของที่โดนฟ้าผ่า

CR : Khaosod Online

แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7052462

แค่ฝนตั้งเค้า! ฟ้าผ่าวัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ตายรวด 4 ตัว ลูกน้อยยืนน้ำตารินไม่ห่าง

 

อุดรธานี – ชาวนาหัวใจแทบสลาย แค่ฝนตั้งเค้าแป๊บเดียว ฟ้าผ่าควายเป็นฝูงหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ ตายทันที 4 ตัว เหลือไว้แต่ลูกน้อย 2 ตัวยืนน้ำตารินเฝ้าร่างพ่อแม่ไม่หนีไปไหน

วันนี้ (12 พ.ค. 65) เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านบ้านหนองสว่าง ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ว่าเกิดเหตุฟ้าผ่าควายของชาวบ้านตายหลายตัว เมื่อไปตรวจสอบพบว่าที่บริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้านหนองสว่าง พบควายของนายจันที มะละปะทิ อายุ 51 ปี นอนตายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เปื้อนดินโคลนที่ฝนตกลงมา โดยมีควายแม่พันธุ์และพ่อพันธุ์ตาย 4 ตัว ส่วนลูกน้อยอีก 2 ตัวยืนน้ำตารินเฝ้าพ่อและแม่ไม่ยอมหนีไปไหน

นายจันที เจ้าของควาย บอกว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล ตนเองรีบเข้าไปในหมู่บ้าน จากนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทั้งฝนทั้งฟ้าร้อง ส่วนควายพอกินหญ้าเสร็จได้เดินมารวมกันหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่ สักพักตนเองได้ยินเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาทิศทางที่นาตนเอง คิดในใจว่ากลัวฟ้าผ่าควาย จึงรีบมาดู ก็แทบช็อก เจอควายถูกฟ้าผ่านอนตาย เป็นแม่-พ่อพันธุ์ 4 ตัว

ส่วนลูกน้อย 2 ตัวที่รอดตายยืนเหมือนน้ำตารินเฝ้าร่างของพ่อและแม่ไม่ห่าง ตนเองก็จะน้ำตาไหลกับลูกควายด้วย เสียดายฝูงควายไม่น่าจะเคราะห์ร้ายมาถูกฟ้าผ่าตายเกือบหมด โดยควายทั้งหมดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท จากนี้คงเลี้ยงลูกควายน้อยอย่างดี จะไม่ยอมให้ถูกฟ้าผ่าอีก
CR : MGRonline
แหล่งที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9650000045325

สภาพอากาศวันนี้ ไทยตอนบนเจอพายุฤดูร้อน มีฝนฟ้าคะนอง ระวังลมกระโชก-ฟ้าผ่า

วันนี้ไทยตอนบนเผชิญพายุฤดูร้อน มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งและอาจเกิดฟ้าผ่า ขอให้ระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง

วันที่ 17 เม.ย. 2565 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศลาวตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งรวมถึงจะมีฝนตกหนักและอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้

พายุฤดูร้อนจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองซึ่งอาจเกิดอันตรายจากลมกระโชกแรงและฟ้าผ่าได้ เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือและภาคกลางตอนบนของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนไว้ด้วย ส่วนลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแนวโน้มการสะสมน้อยลง เนื่องจากลมใต้ที่พัดปกคลุมมีกำลังกำลังปานกลาง ส่วนภาคเหนือและภาคกลางตอนบนยังมีสะสมปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนและมีจุดความร้อนเพิ่มขึ้นทางภาคเหนือตอนบน

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก พายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

CR : thairathonline

แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2369527

 

ลงทะเบียนรับประกันสินค้า ProAC Distribution Unit
Entries
0
Views
2064
Conversion Rate
0%
Export to    

สกลนครพายุฝนถล่ม ฟ้าฝ่าต้นไม้ใหญ่กระแสไฟช็อต ลุงกับหลานตายคาที่ 2 ศพ

 

สกลนครเกิดฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าต้นไม้เปรี้ยงเดียว ลุงกับหลานอยู่ในเพิงใต้ต้นไม้ เจอกระแสไฟฟ้าไหลลงพื้นดินช็อตร่าง เสียชีวิตคาที่ 2 ศพ ขณะกวาดน้ำออก ส่วนเมียรอดตายเพราะนั่งอยู่บนแคร่ เมื่อเวลา 16.35 น. วันที่ 24 มีนาคม 2565 ร.ต.อ.นิคม ขาวไป๋ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุ มีชาวบ้านถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต ที่บริเวณกระท่อมนา บ้านโคกสูง ต.โคกก่อง จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมเจ้าหน้าที่ รพ.สต.โคกก่อง ไปตรวจสอบ โดยที่เกิดเหตุเป็นเพิงพักท้ายหมู่บ้าน หลังคาทำด้วยไวนิล มีไทยมุงจำนวนมาก พบศพนายผ่องสี พรมเมือง อายุ 55 ปี ชาวบ้าน หมู่ บ้านโคกสูง ต.โคกก่อง สภาพนอนหงาย นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาล ในบริเวณเดียวกันยังพบศพ นายเกรียงศักดิ์ ถาปันแก้ว อายุ 17 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 บ้านโคกสูงเช่นกัน สภาพศพสวมกางเกงขาสั้นสีดำ เสื้อยืดลายพราง นอนเกยกัน นางดรุณี พรมหมเมือง อายุ 55 ปี ซึ่งนั่งบนแคร่ไม้ในเพิงพัก ซึ่งเห็นเหตุการณ์จึงได้ร้องให้คนช่วย พร้อมกับแจ้ง จนท.ตำรวจ หน่วยกู้ชีพกู้ภัย อบต.โคกก่อง หน่วยกู้ชีพเมตตาธรรมมูลนิธิ

นายอภิชาติ นนท์สะเกตุ จนท.กู้ชีพ อบต.โคกก่อง กล่าวว่า เมื่อเวลาบ่าย 2 มีผู้มาแจ้ง ตนมาถึงที่เกิดเหตุก่อน พบว่าผู้เป็นลุงเสียชีวิตแล้ว จึงทำการช่วยเหลือ นายเกรียงศักดิ์ ที่ยังหายใจรวยริน ด้วยการทำ CPR ถึง 2 รอบแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ส่วนสาเหตุเกิดจากฝนตกฟ้าคะนองทำให้ฟ้าผ่าต้นไม้ ซึ่งอยู่ห่างจากเพิงพักประมาณ 5 เมตร กระแสไฟฟ้าหลายหมื่นโวลต์จึงลงกราวด์ วิ่งไปในพื้นดินที่เปียกแฉะ เป็นจังหวะที่ลุงกับหลานกำลังกวาดน้ำออกจากเพิงพัก จึงถูกไฟที่ลงกราวด์ดูดเสียชีวิต

ขณะที่ นางดรุณี กล่าวว่า ขณะที่ตนนั่งอยู่บนแคร่ไม้ สามีและหลานกำลังยืนอยู่บนพื้นดิน มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น และเห็นคนทั้งสองล้มลงเสียชีวิตคาที่คาตา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่นำร่างของผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองคน ไปให้แพทย์ผ่าชันสูตรหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตต่อไป.

CR : thairathonline

แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2350080

ดับกันโกลาหล! ฟ้าผ่าไฟลุกพรึ่บไหม้บ้านพักแพทย์ รพ.อุทัยธานี กลางดึก โชคดีฝนช่วย-จนท.ดับทันไม่ลาม

อุทัยธานี – เกิดเหตุฟ้าผ่าบ้านพักแพทย์หลังตึกผู้ป่วยโรงพยาบาลอุทัยฯ ก่อนไฟลุกเผาเกือบวอดทั้งหลัง โชคดีเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงนับ 10 คัน-สายฝนตกหนัก ช่วยดับไฟไม่ลุกลามไปอาคารใกล้เคียง

เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.เศษที่ผ่านมา (23 มี.ค. 65) เกิดลมพายุฝนตกกระหน่ำ ก่อนเกิดฟ้าผ่าขึ้นที่บริเวณอาคารบ้านพักของแพทย์โรงพยาบาลอุทัยธานี ซึ่งตั้งอยู่หลังตึกรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาล

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองอุทัยธานี ที่ได้รับแจ้งต้องระดมรถดับเพลิงกว่า 10 คันเร่งช่วยกันสกัดเพลิงไม่ให้ลุกไหม้ลามไปยังบริเวณอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ด้วยเป็นอาคารไม้จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการดับเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านพักที่เกิดเหตุ เป็นบ้านพักของแพทย์ที่ปล่อยร้างมานานประมาณ 2 ปีแล้ว คาดว่าอาจจะมีสิ่งของประเภททองแดงหรือสายไฟเก่าที่ขาดชำรุด ประกอบกับบ้านหลังนี้อยู่บนเนินเขาสูง จึงทำให้ฟ้านั้นผ่าลงมาที่บ้านหลังนี้พอดี

“โชคดีที่ไม่มีคนพักอาศัยอยู่ในบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนั้นมาทันเวลา ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักจึงช่วยดับไฟที่ไหม้ไว้ได้เร็ว ไม่ลามไปอาคารโรงพยาบาลหลังอื่นๆ”

 

 

 

CR :  MGRONLINE

แหล่งที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9650000028602

 

 

 

 

น้ำท่วมขังในบ่อกราวด์ได้หรือไม่ และจะมีอันตรายอะไรไหม ?

เราสามารถพบเจอกรณีน้ำท่วมขังในบ่อกราวด์ได้ค่อนข้างบ่อยซึ่งสาเหตุอาจเกิดได้จากอะไรบ้าง :

  • หน้าฝนมีฝนตกชุกทำให้น้ำฝนไหลเข้าไปขังในบ่อกราวด์
  • อยู่ใกล้ท่อระบายน้ำทำให้มีน้ำไหลซึมเข้าไปขังในบ่อกราวด์
  • ระดับน้ำในดินสูงทำให้มีน้ำซึมเข้าไปขังในบ่อกราวด์
  • มีตาน้ำใต้ดินทำให้มีน้ำซึมเข้าไปขังในบ่อกราวด์
  • จากสาเหตุอื่นๆ

ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแท่งกราวด์จะมีหน้าที่ระบายความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าลงดิน ทำให้เกิดความปลอดภัย กับทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า และผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่ ทั้งนี้เนื่องจากค่าความต้านทานดินของแท่งกราวด์ที่ต่ำทำให้กระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติไหลผ่านแท่งกราวด์ลงดินได้ดี ทำให้ไม่เกิดแรงดันไฟฟ้าที่แท่งกราวด์สูงจนเกินไป จนทำให้เกิดเป็นอันตรายได้ ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้แท่งกราวด์มีค่าความต้านทานดินที่ต่ำ ก็คือความชื้นในดินซึ่งเกิดจากน้ำนั่นเอง

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่มีน้ำขังในบ่อกราวด์กลับมีผลดีในแง่การนำกระแสไฟฟ้าลงดินได้ดี ซึ่งแท่งกราวด์ของ สตาบิล เป็นกราวด์แบบกราวด์ลึก (ลึกประมาณ 30 เมตร) โดยแท่งกราวด์จะทำจากแท่ง Stainless steel ทนต่อการกัดกร่อน จุดเชื่อมต่อเป็นแบบ Exothermic welding (หลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน) และทาทับด้วยสีกันสนิม อีกทั้งสายกราวด์เป็นสายทองแดง THW หุ้มฉนวน จึงทำให้คงทนต่อการกัดกร่อนโดยไม่มีปัญหาใดๆ ในการที่จะแช่อยูในน้ำเป็นเวลานาน   ซึ่งขณะการตรวจวัดค่า ความต้านทานดินของแท่งกราวด์จะต้องทำการวิดน้ำออกบ่อกราวด์ให้แห้งก่อน

 

 

Posted in faq
กลับสู่ด้านบน